วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย ได้ร่วมกับ หน่วยวิชาการเครือข่ายนักสาธารณสุขจัดการปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ (สปสส.) คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดเสวนาวิชาการ ขับเคลื่อนองค์ความรู้ภยันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า และร่วมแถลงปฏิญญา”เครือข่ายหมออนามัย ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โดยมี ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร เป็นผู้ดำเนินรายการและมีสมาชิกเครือข่ายหมออนามัย นักสาธารณสุข ผู้ทำงานสุขภาพในระดับปฐมภูมิและประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นภยันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนไทย
ดร.ธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย กล่าวว่า ขณะนี้ ประเด็นปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า เป็นปัญหาสาธารณสุขและเป็นปัญหาสังคมของประเทศไทย เนื่องมาจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชน บุหรี่ไฟฟ้านอกจากมีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งทางกายและทางจิต ยังก่อให้เกิดการเสพติด และเป็นประตูเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้สารเสพติดอื่นๆตามมา มูลนิธิเครือข่ายหมออนามัยในฐานะเครือข่ายบุคลากรที่ทำงานด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่เห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้แก่สมาชิกมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัยและประชาชนที่สนใจด้านการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อนำไปสู่การจัดกิจกรรมสร้างความรู้ ความตระหนัก และสร้างสิ่งแวดล้อมให้เยาวชนและประชาชนไทยห่างไกลจากอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า
ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ (พศย.) และที่ปรึกษาหน่วยวิชาการเครือข่ายนักสาธารณสุขจัดการปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ (สปสส.) กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้า คือ สารเสพติด ซึ่ง 7 ใน 10 ของเด็กไทยที่เสพติดนิโคตินจากบุหรี่จะเลิกไม่ได้ตลอดชีวิต ซึ่งสมองเด็กเรียนรู้เร็วกว่าผู้ใหญ่จึงเสพติดได้ง่ายกว่า ปัญหาการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าที่สำคัญของประเทศไทย คือ การที่กลุ่มผู้สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ามีการแทรกแซงนโยบายผ่านกลไกทางการเมือง เพื่อให้มีการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกกฎหมายซึ่งส่งผลต่อการแพร่ระบาดไปยังกลุ่มเด็กและเยาวชนจนไม่อาจจะควบคุมได้
ผศ.(พิเศษ) ดร.สมตระกูล ราศิริ รองเลขาธิการสภาการสาธารณสุขชุมชน กล่าวว่า การควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า จัดเป็นงานส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. 2556 จึงขอเชิญชวนสมาชิกสภาการสาธารณสุขชุมชน ทุกท่านมาร่วมกันในการปกป้องเด็กเยาวชนจากภยันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า
ดร.สนอง คล้ำฉิม กรรมการมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัยและผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เป็นหน่วยปฐมภูมิที่ดูแลประชาชนในระดับพื้นที่ ซึ่งนอกเหนือจากการทำงานด้านการรักษา ทาง รพสต.ยังมีอีกบทบาทหนึ่งที่สำคัญ คือ การทำงานร่วมกับชุมชน โดยเฉพาะการสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในชุมชนขณะนี้มีความน่าเป็นห่วงเพราะเด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ดังนั้น บุคลากร ของ รพสต.จึงจำเป็นต้องเท่าทันและรับรู้ถึงปัญหาการแพร่ะบาดของบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อจะได้ร่วมกันปกป้องเด็กแบะเยาวชนในชุมชนจากภยันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า
อ.วิเชียร จิตต์พิศาล กรรมการมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัยและเครือข่ายสร้างสุขพังงา กล่าวว่าปัญหาการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กเยาวชน เป็นบทบาทหน้าที่ของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ,ท้องถิ่น,ชุมชน, สถานศึกษา ,ผู้ปกครอง,เยาวชน และภาคประชาชน ที่ควรจะต้องนำข้อมูล/ปัญหาที่พบเจอมาพูดคุยกัน และกำหนดแนวทางแก้ไขร่วมกัน เพื่อปกป้องเด็กเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ในส่วนของงบประมาณเพื่อจัดทำโครงการป้องกันควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในระดับพื้นที่นั้น องค์กรต่างๆในพื้นที่สามารถเสนอปัญหาเข้าสู่แผนสุขภาพชุมชนของ กปท.และจัดทำโครงการขอรับสนับสนุนได้จากกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น(กปท.) ซึ่งมี อปท.(เทศบาล/อบต.) ดูแลอยู่ การทำงานควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในชุมชนขณะนี้ถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีความท้าทาย เนื่องจาก การตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่มีการพัฒนาเป็นตัวการ์ตูน เป็นของเล่น หรือทำให้คล้ายกับอุปกรณ์เครื่องเขียน ซึ่งถ้าเราในฐานะนักสาธารณสุขไม่เท่าทัน ก็จะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพของเด็กที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ ในกิจกรรมได้มีการกล่าวปฏิญญา” เครือข่ายหมออนามัยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โดยมีสาระสำคัญ คือ ในนามของมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัยขอกล่าวปฏิญญาว่าเครือข่ายหมออนามัยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า เนื่องจากขณะนี้ ได้มีการเผยแพร่แนวทางการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งทางเครือข่ายหมออนามัยขอสนับสนุนแนวทางที่กำหนดให้การใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เนื่องจากขณะนี้การตลาดบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าที่เด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติและเป็นที่ทราบดีว่าบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพและสังคม เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ ในฐานะผู้แทนเครือข่ายหมออนามัยทั่วประเทศที่มีบทบาทในการดูแลสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ขอประกาศปฏิญญาเครือข่ายหมออนามัยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ เครือข่ายหมออนามัย
1. ขอเรียกร้องให้รัฐสภา ‘คงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า’ เพื่อคุ้มครองสุขภาพเด็กและเยาวชน โดยให้ความสำคัญกับอนาคตของชาติ มากกว่าผลกำไรและภาษี
2. ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย ยกระดับการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ จริงจัง เคร่งครัด และไม่เรียกรับผลประโยชน์
3. จะเฝ้าระวัง และเปิดโปงกลยุทธ์การตลาดของผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้าที่ทำการตลาดล่าเหยื่อมุ่งเป้าเยาวชน และกลยุทธ์การแทรกแซงนโยบายของเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านองค์กร บุคคล สื่อ ให้สังคมรับรู้
4. จะร่วมมือกันส่งเสริมไม่ให้การสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นค่านิยมของสังคมและเยาวชน เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองและผู้อื่น
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนสมาชิกเครือข่ายหมออนามัยและนักสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการสาธารณสุขสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศและประชาชนทุกคนได้มาร่วมกันปกป้องเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า