เซ็นทรัลพัฒนา เดินหน้าผลักดันย่านพหลโยธิน–ลาดพร้าว สู่บทบาทใหม่ในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งอนาคต ด้วยการเปิดตัวโครงการระดับแฟล็กชิพ “The Central พหลโยธิน” เมกะโปรเจ็กต์ที่ใช้เม็ดเงินลงทุนสูงถึง 21,000 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 49 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯฝั่งเหนือ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4 ปี 2569 พร้อมยกระดับมาตรฐานการพัฒนาเมืองแบบครบวงจรทั้งเชิงพาณิชย์ วัฒนธรรม และคุณภาพชีวิต
โครงการนี้ถูกวางตำแหน่งให้เป็นมากกว่าศูนย์การค้า แต่คือ “The Flagship of the Future” ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ให้กลายเป็น “แลนด์มาร์กใหม่” ของเมือง โดยเฉพาะในเชิงการเป็นศูนย์รวมกิจกรรมระดับภูมิภาค ด้วยพื้นที่ Convention Hall ขนาด 6,700 ตารางเมตร ซึ่งสามารถรองรับทั้งงานแสดงสินค้า งานประชุมระดับนานาชาติ และคอนเสิร์ตของศิลปินจากทั่วโลกได้อย่างลงตัว
ทำเลที่ตั้งของโครงการถือว่ามีศักยภาพสูง ทั้งในด้านการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน โดยตั้งอยู่บนจุดตัดของถนนสายหลักสองเส้นคือ พหลโยธิน และ วิภาวดีรังสิต รายล้อมด้วยสถานีรถไฟฟ้าทั้ง BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งมีผู้ใช้งานรวมมากกว่า 50,000 คนต่อวัน ขณะที่การเดินทางโดยรถยนต์ก็สะดวกไม่แพ้กัน ด้วยสถิติการจราจรกว่า 337,000 คันต่อวันในบริเวณเดียวกัน ทั้งยังอยู่ใกล้สนามบินดอนเมืองซึ่งมีแผนขยายศักยภาพรองรับผู้โดยสารมากกว่าเดิม
ไม่เพียงแต่ทำเลที่โดดเด่น กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ยังมีคุณภาพสูงโดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในระดับกำลังซื้อสูง หรือ Wealth Segment ซึ่งจากฐานข้อมูลของบริษัทพบว่ามีกำลังซื้อเฉลี่ยสูงกว่าคนกรุงเทพฯทั่วไปถึง 2.3 เท่า นอกจากนี้ ยอดขายต่อพื้นที่ของศูนย์การค้าในย่านนี้ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยกรุงเทพฯถึง 45% ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการก็สูงกว่าถึง 2.19 เท่า ซึ่งสะท้อนความชัดเจนของดีมานด์เชิงพาณิชย์ในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
ในเชิงการออกแบบ The Central พหลโยธิน ได้รับการวางแผนให้เป็นพื้นที่เชิงประสบการณ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด “The Central Playlist” ซึ่งเปรียบเสมือนการคัดสรรเพลย์ลิสต์ของเมืองใหญ่ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นโซนอาหารที่รวมทั้ง International Dining และ Street Food, โซนกิจกรรมสร้างสรรค์ Market Hall, โซน Edible Garden ที่ต่อยอดแนวคิด “From Farm to Table” รวมถึงโซนแฟชั่น กีฬา และไลฟ์สไตล์สำหรับคนทุกวัย โดยมีทั้งนักออกแบบระดับโลกและนักออกแบบไทยร่วมออกแบบพื้นที่ให้มีความหลากหลายและยืดหยุ่นกับการใช้งานจริง
พื้นที่โดยรอบโครงการยังประกอบด้วยโครงสร้างสนับสนุนครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบนมากกว่า 472 โครงการ, อาคารสำนักงาน 52 แห่ง (ซึ่งในจำนวนนี้ 15 แห่งเป็นเกรด A), สถาบันการศึกษาชั้นนำ, โรงแรมระดับพรีเมียม และสถานพยาบาลครบถ้วน ทั้งหมดนี้ยิ่งตอกย้ำว่าพหลโยธินกำลังก้าวสู่การเป็น ศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานที่ดิน ยังระบุว่า พื้นที่บริเวณพหลโยธินช่วงต้นได้รับการจัดอันดับให้เป็น หนึ่งในสิบทำเลที่ดินแพงที่สุดในประเทศ โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ 1.9 ล้านบาทต่อตารางวา และมีอัตราการเติบโตสูงถึง 5% ต่อปี ซึ่งเหนือกว่าย่านธุรกิจดั้งเดิม เช่น สีลม สุขุมวิท หรือชิดลม อย่างเห็นได้ชัด
ในด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา ยังขับเคลื่อนโครงการนี้ไปพร้อมกับพันธกิจด้านความยั่งยืน โดยเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ออก “Green Bond” และประกาศเป้าหมายสู่การเป็นองค์กร Net Zero 2050 ติดตั้ง Solar Rooftop ครอบคลุมทุกศูนย์การค้า และผลักดันการใช้พลังงานสะอาดผ่าน EV Charging Station ควบคู่กับการดำเนินโครงการ Green Partnership ร่วมกับร้านค้าและแบรนด์พันธมิตรทั่วประเทศ
จากภาพรวมทั้งหมด The Central พหลโยธิน กำลังจะกลายเป็นต้นแบบใหม่ของการพัฒนาเมืองในกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้เน้นแค่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ แต่ผสานทั้งคุณภาพชีวิต วัฒนธรรมเมือง และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเซ็นทรัลพัฒนาในบทบาทการเป็นผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง
